มติ 227 : 1 สนช.ผ่าน กม.ปิโตรเลียม – ยอมถอย ตัด ม.10/1 ปม ตั้งบรรษัทน้ำมันใส่ไว้ในข้อสังเกตแทน
http://www.matichon.co.th/news/514041
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม เวลา 18.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสนช.ประชุมอีกครั้งภายหลังพักการประชุม โดยพล.ต.ท.
บุญเรือง ผลพานิชย์ สนช. กล่าวว่า การเขียนกฎหมายเปิดไว้อย่างนี้ เป็นการเปิดช่องสุ่มเสี่ยงให้รัฐบาลที่มาจากากรเลือกตั้ง อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป จึงเสนอให้ใส่ลงไปในข้อสังเกตว่า การตั้งบรรษัทฯต้องทำภายใน 1 ปี หากไม่ทำ สมาชิก 25 คนสามารถเข้าชื่อเสนอเป็นกฎหมายให้มีการจัดตั้งได้ โดย พล.อ.
สกนธ์ ชี้แจงว่า เนื่องจากกมธ.ได้พิจารณาโดยรอบคอรบและกำหนดเป็นมาตรา 10/1 ดังนั้น กมธ.ขอยืนตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้นาย
สมชาย แสวงการ เสนอตัดมาตรา 10/1 ออกเพื่อนำไปใส่ไว้ในข้อสังเกต โดยกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง ดำเนินการ เมื่อกฏหมายบังคับใช้ไป 1 ปี
ขณะที่ นาย
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ได้ขอให้ พล.อ.
สุรศักดิ์ ศรีศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานลุกขึ้นชี้แจง โดย พล.อ.
สุรศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า หากใส่เป็นข้อสังเกตกระทรวงพลังงานจะให้ความความสำคัญไปศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม และฟังความเห็นเพื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียในการจัดตั้งหน่วยงานหรือองค์กรขึ้นมาทำหน้าที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างสูงสุด ทำให้ พล.อ.
สกลธ์ ยอมถอยรับในข้อเสนอของนาย
สมชาย และจะให้มาตรา 10/1 ไปอยู่ในข้อสังเกตเพื่อให้สภาเดินหน้าต่อไปได้ กระทั่งที่สุดที่ประชุมมีมติในวาระ 3 ด้วยมติ 227 ต่อ 1 คะแนน งดออกเสียง 3 คะแนน เพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อสังเกต การจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ โดยที่ร่างพ.ร.บ.นี้ได้เพิ่มให้มีการนำระบบสัญญาสัญญาแบ่งปันผลผลิต และสัญญาจัดจ้างบริการ มาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งการบริหารจัดการตามระบบที่เกิดขึ้นใหม่ทั้ง 2 ระบบ มีความแตกต่างจากการบริหารจัดการตามระบบสัมปทานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือระบบอื่นใดที่อาจเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต รวมทั้งการดำเนินการตามระบบที่เพิ่มขึ้นใหม่ จะมีผลทำให้รัฐมีกรรมสิทธิ์ในผลผลิตปิโตรเลียมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด รัฐจึงควรจัดตั้งองค์กรขึ้นใหม่เพื่อทำหน้าที่ในการรบริหารทรัพยากรปิโตรเลียมนั้น ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดโดยเร็วครม.จึงควรแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นภายใน 60 วันเพื่อพิจารณาศึกษาถึงรายละเอียดของรูปแบบและวิธีการในการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติที่เหมาะสมภายใน 1 ปีต่อไป โดยใช้เวลารวมไปในพิจารณาทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง
“วิษณุ”แจงตัด ม.10/1 ต้องตั้งคกก. ศึกษาบรรษัทน้ำมันฯใน 60 วัน วอนอย่ามองหมกเม็ด
http://www.matichon.co.th/news/514145
“วิษณุ” แจง สนช.ตัด ม.10/1 ต้องตั้งคกก. ศึกษาบรรษัทน้ำมันฯ ภายใน 60 วัน 1 ปี แล้วเสร็จ ขออย่ามองหมกเม็ด
เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 31 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ผ่านร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม โดยตัดมาตรา 10/1 เรื่องการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ และให้ไปเขียนไว้ในข้อสังเกตแทน ว่า ข้อสังเกตดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด ภายใน 60 วัน เพื่อมาทำหน้าที่ศึกษาข้อดีข้อเสียของการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ โดยให้เสร็จสิ้นกระบวนทั้งหมดภายในเวลา 1 ปี ทั้งนี้เมื่อสนช.ส่งร่างพร้อมข้อสังเกตมาที่รัฐบาล กระทรวงพลังงานจะต้องไปพิจารณาว่าจะให้กรรมการดังกล่าวมาจากส่วนใดบ้าง โดยอาจมีตัวแทนมาจากนักวิชาการ เอกชน หรือตัวแทนจากกลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน(คปพ.) จากนั้นจึงเสนอเรื่องเข้าครม.รับทราบและให้พิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
นาย
วิษณุ กล่าวว่า ตามปกติข้อสังเกตที่มาจากสนช.รัฐบาลจะปฏิบัติตามทุกครั้ง แต่ไม่ถือว่าเป็นข้อบังคับว่าจะต้องทำให้ตรงตามนั้นทั้งหมด รัฐบาลสามารถทำน้อยหรือเกินกว่านั้นได้ ทั้งนี้เมื่อกำหนดให้ตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ จะมีเรื่องของอำนาจรัฐมาเกี่ยวข้องจึงต้องเขียนกฎหมายอีกขึ้นมาอีกฉบับ ในส่วนนี้จะต้องรอคณะกรรมการที่จะตั้งมาสรุปว่าจะออกเป็นพ.ร.บ.ว่าด้วยการตั้งบรรษัท หรือนำไปผนวกไว้ในกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งก็ได้ หรือจะใส่ไว้ในพ.ร.บ.ปิโตรเลียมได้ หรือจะใช้วิธีอื่นที่คิดได้ในภายในก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเนื้อหาร่างกฎหมายที่จะระบุว่าให้ใครทำอะไร และจะตั้งบรรษัทหรือไม่ อย่างไรก็ตามตัวร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในเวลา 20 วัน
เมื่อถามว่าหากคณะกรรมการศึกษาแล้วพบข้อเสียมากกว่า ไม่จำเป็นต้องตั้งบรรษัทขึ้นมาก็ได้ใช่หรือไม่ นาย
วิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ตั้งก็ได้ ส่วนที่บางฝ่ายมองว่าสนช.หมกเม็ด โดยไปใส่ไว้ในข้อสังเกต และสุดท้ายจะมีการตั้งบรรษัทน้ำมันนั้น ขออย่าไปคิดกันมา และมองอะไรข้ามขั้นตอน เพราะการตั้งบรรษัทเป็นเรื่องใหม่ รอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาก่อน
JJNY : สนช.ผ่าน กม.ปิโตรเลียม ตัด ม.10/1 ตั้งบ.น้ำมันใส่ไว้ในข้อสังเกตแทน / “วิษณุ”แจง ต้องตั้งคกก. ศึกษาใน 60 วัน
http://www.matichon.co.th/news/514041
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม เวลา 18.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสนช.ประชุมอีกครั้งภายหลังพักการประชุม โดยพล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ สนช. กล่าวว่า การเขียนกฎหมายเปิดไว้อย่างนี้ เป็นการเปิดช่องสุ่มเสี่ยงให้รัฐบาลที่มาจากากรเลือกตั้ง อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป จึงเสนอให้ใส่ลงไปในข้อสังเกตว่า การตั้งบรรษัทฯต้องทำภายใน 1 ปี หากไม่ทำ สมาชิก 25 คนสามารถเข้าชื่อเสนอเป็นกฎหมายให้มีการจัดตั้งได้ โดย พล.อ.สกนธ์ ชี้แจงว่า เนื่องจากกมธ.ได้พิจารณาโดยรอบคอรบและกำหนดเป็นมาตรา 10/1 ดังนั้น กมธ.ขอยืนตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้นายสมชาย แสวงการ เสนอตัดมาตรา 10/1 ออกเพื่อนำไปใส่ไว้ในข้อสังเกต โดยกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง ดำเนินการ เมื่อกฏหมายบังคับใช้ไป 1 ปี
ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ได้ขอให้ พล.อ.สุรศักดิ์ ศรีศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานลุกขึ้นชี้แจง โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า หากใส่เป็นข้อสังเกตกระทรวงพลังงานจะให้ความความสำคัญไปศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม และฟังความเห็นเพื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียในการจัดตั้งหน่วยงานหรือองค์กรขึ้นมาทำหน้าที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างสูงสุด ทำให้ พล.อ.สกลธ์ ยอมถอยรับในข้อเสนอของนายสมชาย และจะให้มาตรา 10/1 ไปอยู่ในข้อสังเกตเพื่อให้สภาเดินหน้าต่อไปได้ กระทั่งที่สุดที่ประชุมมีมติในวาระ 3 ด้วยมติ 227 ต่อ 1 คะแนน งดออกเสียง 3 คะแนน เพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อสังเกต การจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ โดยที่ร่างพ.ร.บ.นี้ได้เพิ่มให้มีการนำระบบสัญญาสัญญาแบ่งปันผลผลิต และสัญญาจัดจ้างบริการ มาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งการบริหารจัดการตามระบบที่เกิดขึ้นใหม่ทั้ง 2 ระบบ มีความแตกต่างจากการบริหารจัดการตามระบบสัมปทานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือระบบอื่นใดที่อาจเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต รวมทั้งการดำเนินการตามระบบที่เพิ่มขึ้นใหม่ จะมีผลทำให้รัฐมีกรรมสิทธิ์ในผลผลิตปิโตรเลียมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด รัฐจึงควรจัดตั้งองค์กรขึ้นใหม่เพื่อทำหน้าที่ในการรบริหารทรัพยากรปิโตรเลียมนั้น ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดโดยเร็วครม.จึงควรแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นภายใน 60 วันเพื่อพิจารณาศึกษาถึงรายละเอียดของรูปแบบและวิธีการในการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติที่เหมาะสมภายใน 1 ปีต่อไป โดยใช้เวลารวมไปในพิจารณาทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง
“วิษณุ”แจงตัด ม.10/1 ต้องตั้งคกก. ศึกษาบรรษัทน้ำมันฯใน 60 วัน วอนอย่ามองหมกเม็ด
http://www.matichon.co.th/news/514145
“วิษณุ” แจง สนช.ตัด ม.10/1 ต้องตั้งคกก. ศึกษาบรรษัทน้ำมันฯ ภายใน 60 วัน 1 ปี แล้วเสร็จ ขออย่ามองหมกเม็ด
เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 31 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ผ่านร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม โดยตัดมาตรา 10/1 เรื่องการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ และให้ไปเขียนไว้ในข้อสังเกตแทน ว่า ข้อสังเกตดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด ภายใน 60 วัน เพื่อมาทำหน้าที่ศึกษาข้อดีข้อเสียของการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ โดยให้เสร็จสิ้นกระบวนทั้งหมดภายในเวลา 1 ปี ทั้งนี้เมื่อสนช.ส่งร่างพร้อมข้อสังเกตมาที่รัฐบาล กระทรวงพลังงานจะต้องไปพิจารณาว่าจะให้กรรมการดังกล่าวมาจากส่วนใดบ้าง โดยอาจมีตัวแทนมาจากนักวิชาการ เอกชน หรือตัวแทนจากกลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน(คปพ.) จากนั้นจึงเสนอเรื่องเข้าครม.รับทราบและให้พิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
นายวิษณุ กล่าวว่า ตามปกติข้อสังเกตที่มาจากสนช.รัฐบาลจะปฏิบัติตามทุกครั้ง แต่ไม่ถือว่าเป็นข้อบังคับว่าจะต้องทำให้ตรงตามนั้นทั้งหมด รัฐบาลสามารถทำน้อยหรือเกินกว่านั้นได้ ทั้งนี้เมื่อกำหนดให้ตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ จะมีเรื่องของอำนาจรัฐมาเกี่ยวข้องจึงต้องเขียนกฎหมายอีกขึ้นมาอีกฉบับ ในส่วนนี้จะต้องรอคณะกรรมการที่จะตั้งมาสรุปว่าจะออกเป็นพ.ร.บ.ว่าด้วยการตั้งบรรษัท หรือนำไปผนวกไว้ในกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งก็ได้ หรือจะใส่ไว้ในพ.ร.บ.ปิโตรเลียมได้ หรือจะใช้วิธีอื่นที่คิดได้ในภายในก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเนื้อหาร่างกฎหมายที่จะระบุว่าให้ใครทำอะไร และจะตั้งบรรษัทหรือไม่ อย่างไรก็ตามตัวร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในเวลา 20 วัน
เมื่อถามว่าหากคณะกรรมการศึกษาแล้วพบข้อเสียมากกว่า ไม่จำเป็นต้องตั้งบรรษัทขึ้นมาก็ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ตั้งก็ได้ ส่วนที่บางฝ่ายมองว่าสนช.หมกเม็ด โดยไปใส่ไว้ในข้อสังเกต และสุดท้ายจะมีการตั้งบรรษัทน้ำมันนั้น ขออย่าไปคิดกันมา และมองอะไรข้ามขั้นตอน เพราะการตั้งบรรษัทเป็นเรื่องใหม่ รอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาก่อน